คะแนน TOEFL ควรได้เท่าไหร่ เกณฑ์แบบใดจึงน่าพึงพอใจที่สุด
เป้าหมายสำคัญของคนที่เลือกสอบโทเฟลคือ การใช้เพื่อยื่นสมัครเรียนกับสถาบันระดับโลกในแถบอเมริกาเหนือ หรือในเมืองไทยหลายที่คะแนนนี้ก็มีผลต่อการรับเข้าเรียนต่อ หรือเข้าทำงานด้วยเช่นกัน จึงเกิดเป็นคำถามชวนสงสัยของหลายคนว่า คะแนน TOEFL ควรได้เท่าไหร่จึงตอบโจทย์และสร้างความมั่นใจในการสมัครเรียน สมัครงานผ่านตามเกณฑ์พื้นฐาน ลองมาเทียบกันให้เห็นชัด ๆ เพื่อทำตามจุดประสงค์ที่ชัดเจนของแต่ละคนกันเลย
คะแนน TOEFL ควรได้เท่าไหร่ตามเกณฑ์มาตรฐาน
ต้องขออธิบายสักเล็กน้อยว่า จริง ๆ แล้วการสอบ TOEFL จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ซึ่งวิธีคำนวณคะแนนจะต่างกันออกไป ได้แก่
- การสอบ TOEFL iBT ลักษณะการสอบด้วยคอมพิวเตอร์ที่ทางศูนย์สอบจัดเอาไว้ แบ่งออกเป็น 4 พาร์ท คือ TOEFL Reading , TOEFL Listening , TOEFL Writing , TOEFL Speaking พาร์ทละ 30 คะแนน รวมทั้งสิ้น 120 คะแนน
- การสอบ TOEFL ITP ลักษณะการสอบด้วยการระบายคำตอบลงบนกระดาษคำตอบโดยดินสอบ 2B แบ่งออกเป็น 3 พาร์ท คือ Listening comprehension, Structure and Written Expression และ Reading Comprehension มีคะแนนรวมทั้งสิ้น 677 คะแนน
ดังนั้นเมื่อตั้งคำถามว่า คะแนน TOEFL ควรได้เท่าไหร่ จึงเหมาะสมกับการใช้เพื่อยื่นสมัครเรียนต่อ สมัครเข้าทำงาน หลัก ๆ แล้วควรดูจากสถาบันหรือคณะที่ตนเองเลือกว่ามีการกำหนดคะแนนโทเฟลเอาไว้เท่าไหร่ ก็ควรทำให้ได้ตามเกณฑ์ดังกล่าว
แต่สำหรับคนที่ไม่แน่ใจ หรืออยากมีคะแนนพื้นฐานไว้ด้วยยังไม่รู้จะเลือกสอบที่ไหนดี จึงขอเทียบคะแนน TOEFL ทั้ง 2 ประเภทนี้ ให้ได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น โดยเกณฑ์มาตรฐานที่ควรได้คือ
- TOEFL iBT คะแนนระดับกลางอยู่ประมาณ 65 คะแนนขึ้นไป
- TOEFL ITP คะแนนระดับกลางอยู่ประมาณ 180 คะแนนขึ้นไป
หากคะแนนของคุณทำออกมาได้ในระดับนี้ก็ถือว่าตรงตามมาตรฐานทั่วไปของการสอบ และมีโอกาสได้เข้าเรียน เข้าทำงานกับสถาบันที่คาดหวังไว้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่คะแนนระดับกลางเท่านั้น ไม่ได้ยืนยันถึงการผ่านแบบ 100% เพราะถ้ามีใครคะแนนดีกว่าพอทางผู้รับสมัครพิจารณาแล้วก็อาจเลือกคนที่คะแนนดีกว่าก็ได้ ดังนั้นจึงควรพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อทำคะแนนออกมาตามทีคาดหวังหรือสูงกว่าที่ตั้งเป้าจะยิ่งดีมาก ๆ
อยากได้คะแนน TOEFL สูง ๆ คอร์สติวคืออีกทางเลือกน่าสนใจ
จากที่ระบุไปแล้วว่าคะแนน TOEFL ควรได้เท่าไหร่สำหรับเกณฑ์มาตรฐานที่บอกจะเป็นระดับกลางา คือไม่ได้สูงมาก แต่ไม่ถึงกับต่ำจนใช้งานไม่ได้ อย่าลืมว่าการสอบโทเฟลทุกครั้งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น จึงไม่ควรสอบแบบทิ้งขว้าง แต่ต้องทำออกมาให้ดีที่สุดไปเลย
การมองหาคอร์สติวสอบ TOEFL ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมาก ด้วยติวเตอร์เหล่านี้จะมีความรู้ ทักษะ อัดแน่นด้วยประสบการณ์ที่พร้อมถ่ายทอดให้กับผู้เรียนทุกคนอย่างเต็มกำลังมากที่สุด เรื่องไหนที่คุณคาดไม่ถึง เทคนิค หรือคำแนะนำที่ปรับใช้งานได้จริงก็สามารถได้รับคำแนะนำกันอย่างง่ายดาย คุ้มค่ากับการลงทุนด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากคุณคือคนหนึ่งที่มีเป้าหมายในการสอบชัดเจน รู้ว่าคะแนน TOEFL ควรได้เท่าไหร่สำหรับตนเอง ก็ลองเลือกวิธีนี้ด้วยได้เช่นกัน แล้วจะเข้าใจมากขึ้นถึงการมีคะแนนดี ๆ ไว้เป็นของตนเองเพื่อสมัครเรียน สมัครงาน