คะแนน TOEFL เต็มเท่าไหร่ ควรทำได้กี่คะแนนจึงเหมาะกับตนเอง
ในการสอบโทเฟล ไม่ใช่แค่ควรรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของการสอบเท่านั้น แต่การทำความเข้าใจว่า คะแนน TOEFL เต็มเท่าไหร่ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพื่อช่วยให้สามารถตั้งเป้าหมายได้ง่ายขึ้นถึงโอกาสและความเป็นจริง อย่าลืมทุกครั้งที่เข้าสอบ TOEFL จะต้องเสียเงินหลายบาท หากไม่ชัดเจนเรื่องของผลคะแนน หรือไม่รู้ว่าเป้าหมายในการสอบอยู่ที่เท่าไหร่จะยิ่งสร้างความยุ่งยากและเสียเงินโดยใช่เหตุไปเสียเปล่า ๆ
คะแนน TOEFL เต็มเท่าไหร่ในแต่ละประเภทการสอบ
สำหรับการสอบ TOEFL ในปัจจุบันจะแบ่งรูปแบบออกเป็น 2 พาร์ท ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน และลักษณะการสอบแตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ซึ่งเมื่อถามว่าคะแนน TOEFL เต็มเท่าไหร่จะประกอบไปด้วย
- การสอบ TOEFL iBT คือ การสอบด้วยคอมพิวเตอร์ที่ทางศูนย์สอบจัดเอาไว้ แบ่งออกเป็น 4 พาร์ท คือ TOEFL Reading, TOEFL Listening , TOEFL Writing , TOEFL Speaking พาร์ทละ 30 คะแนน มีคะแนนเต็ม 120 คะแนน
- การสอบ TOEFL ITP คือ การสอบด้วยการสอบผ่านกระดาษคำตอบโดยดินสอบ 2B ระบายลงไป แบ่งออกเป็น 3 พาร์ท คือ Listening comprehension, Structure and Written Expression และ Reading Comprehension มีคะแนนเต็ม 677 คะแนน
ควรทำคะแนนให้ได้เท่าไหร่จึงเหมาะกับตนเองมากที่สุด
หลังจากรู้แล้วว่าคะแนน TOEFL เต็มเท่าไหร่ คราวนี้หลายคนคงยังตั้งคำถามกันต่อเนื่องว่าหากเทียบกันแล้วตนเองต้องทำคะแนนให้ได้เท่าไหร่จึงเหมาะสม สามารถนำไปใช้ยื่นเข้าเรียน หรือเข้าทำงานกับบริษัท สถาบัน องค์กรต่าง ๆ ได้
หากว่ากันตามคะแนนพื้นฐานที่อยู่ในระดับกลาง คะแนน TOEFL iBT ของคุณต้องอยู่ราว ๆ 65 คะแนนขึ้นไป ส่วนคะแนน TOEFL ITP ควรอยู่ประมาณ 180 คะแนนขึ้นไป จึงถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่สามารถเอาไว้ใช้สมัครเรียนหรือสมัครเพื่อเข้าทำงานกับสถาบันที่ตนเองสนใจได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีเงื่อนไขเกี่ยวกับข้อกำหนดของแต่ละสถาบันซึ่งคุณเองต้องศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนด้วย เพราะบางคณะ บางสาขาวิชาก็ระบุไว้ชัดเจนว่าคะแนนโทเฟลของผู้สมัครต้องอยู่ที่เท่าไหร่ หากคะแนนไม่ถึงตั้งแต่แรก การเข้าไปเรียนกับสถาบันดังกล่าวก็ถือเป็นเรื่องยากในระดับหนึ่งเช่นกัน
เกณฑ์มาตรฐานคะแนน TOEFL ในการสอบของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ตามที่ได้กล่าวเอาไว้แล้วว่าคะแนนสอบ TOEFL ที่ได้หากเริ่มต้นในเกณฑ์ระดับกลางต้องอยู่ประมาณเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้เมื่อมองไปยังเป้าหมาย ความตั้งใจ หรือสิ่งที่แต่ละคนต้องการย่อมไม่เหมือนกัน ดังนั้นเกณฑ์มาตรฐานของการสอบโทเฟลเพื่อให้ได้คะแนนตามที่ตนเองคาดหวังย่อมต่างตามไปด้วย เช่น บางคนคาดหวังในการสอบเข้าสถาบันระดับสูงมาก เกณฑ์คะแนนก็จะสูงกว่าทั่วไป หรือบางคนแค่ใช้เพื่อสมัครให้ผ่าน ไม่ได้คาดหวังมากนัก ก็อาจเลือกใช้คะแนนในเกณฑ์ปกติที่ระบุ เป็นต้น
แต่ไม่ว่าคุณจะมีเกณฑ์คะแนนอย่างไร หรือจะใช้คะแนน TOEFL เต็มเท่าไหร่ก็ตาม สิ่งสำคัญคือ เมื่อตั้งใจสอบแล้วก็ควรพุ่งเป้าและทำออกมาให้ดีที่สุด ฝึกฝนทำแบบฝึกหัดให้บ่อย รวมถึงถ้าลองใช้บริการติวเตอร์เพื่อการสอบให้ผ่านเป็นเรื่องง่ายขึ้นก็จัดว่าน่าสนใจมาก เพราะติวเตอร์เหล่านี้มีทักษะ เทคนิคที่พร้อมให้สิ่งที่คุณหวังไว้เป็นจริงไม่ยาก ลองมองหาในแบบที่ตอบโจทย์แล้วพยายามออกมาให้ดีที่สุดกันเลย คะแนนที่หวังไม่ใช่เรื่องยาก
