ในส่วนที่สองของข้อสอบ Speaking ของ IELTS นี้ผู้สอบจะได้รับกระดาษที่ระบุหัวข้อมาหนึ่งหัวข้อ พร้อมคำถามย่อยเกี่ยวกับหัวข้อนั้น เช่น หัวข้อภาษา
ตัวอย่างคำถาม IELTS Speaking Part 2 Topic card
Describe a language you’ve learned
What it is
When you started learning
How you learned it
What was difficult about it
And why you decided to learn that language
หัวข้ออื่นก็จะเป็นเรื่องทั่วไป เช่น การทำงาน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น เหตุการณ์ต่างๆ ที่ประสบมาในชีวิต ผู้เข้าสอบจะมีเวลา 1 นาทีในการเตรียมคำตอบ และมีเวลาพูด 2 นาที
IELTS Speaking Part 2 Topic card ตอบอย่างไร ได้ได้คะแนนดี
พูดให้ครอบคลุมทุกประเด็นย่อยในหัวข้อ หากเนื้อหาไม่พออาจยกตัวอย่างหลายๆ ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องหรือนึกถึง what, how, when, why สำหรับคำถามแต่ละข้อเพิ่มเติม เช่น ถ้าโจทย์ถามว่าเริ่มเรียนภาษาเมื่อไร แทนที่จะบอกเวลาอย่างเดียว ก็อาจจะขยายความว่า why ทำไมถึงเริ่ม
ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีเรื่องพูดเพิ่มขึ้น แล้วพูดจนกว่า examiner ที่ฟังเราพูดจะบอกให้หยุด เนื่องจากมีเวลา 1 นาทีในการคิดคำตอบ อาจจะจด keyword ที่ตอบคำถามย่อยทั้งหมดลงไป แล้วเวลาก็นึกถึง keyword ที่จดลงไปแล้วเล่าขยายความต่อ พูดให้เป็นธรรมชาติ
คำศัพท์ที่ใช้ไม่ต้องเป็นภาษาเขียนเหมือนเวลาทำ IELTS ที่เป็น part การเขียน เพราะนื่คือการพูดไม่ใช่การเขียน อย่างเวลาเขียนใช้ In addition กับ furthermore ในภาษาพูดอาจใช้ and หรือ also แล้วใช้สำนวนภาษาพูดต่างๆ
ตัวอย่างคำตอบ IELTS Speaking Part 2 Topic card
อาจขึ้นต้นด้วย I’m going to tell you about หรือ I’d like to tell you about เช่น I’m going to tell you about my Spanish learning journey จะเห็นได้ว่า Spanish ตอบคำถามข้อแรกตรง what it is แล้ว นอกจากนี้แทนที่จะพูดทวนคำถามอย่าง I’m going to tell you about a language that I’ve learned ตรง a language that I’ve learnt. เป็นการทวนคำถาม It is Spanish. ก็เป็นการตอบคำถาม What it is ตรงๆ แต่แทนที่จะทวนคำถามแบบนี้อาจใช้คำให้แตกต่างแต่สื่อใจความเดียวกัน เช่น my Spanish learning journey เป็นต้น
คราวนี้เล่าเรื่องต่อให้ครอบคลุมคำถามย่อยข้อที่เหลือ เริ่มจาก When you started learning เราก็พูดต่อจากตรง I’m going to tell you about my Spanish learning journey. เป็น It started when I was 15 years old. It ในที่นี่อ้างถึง journey ในประโยคก่อนหน้า journey ในการเรียนภาษาสเปนนี้เริ่มต้นขึ้นตอนฉันอายุ 15 ถ้าตอบแค่เริ่มต้นเมื่อไรอาจจะสั้นไป
เราอาจจะขยายความเองเพิ่มเติมว่าแล้วทำไมถึงเริ่มเรียนตอนนั้นล่ะ (จะเห็นได้ว่า why เป็นคำถามข้อสุดท้ายใน topic card แต่เราสามารถขยับมาพูดตรงนี้ได้เพราะมันดูต่อเนื่องจากการที่เราบอกว่าเริ่มเรียนตอนอายุ 15) It was when I found out that I had a knack (ความถนัด) for learning languages. I chose Spanish because it’s one of the Romance languages which sound beautiful to me. Spanish is also one of the most spoken languages in the world. I don’t remember the exact number, but it should be around 500 million. It is spoken in Spain, of course, and several countries in Latin America. ตั้งแต่ตรง I don’t remember จะเห็นได้ว่าเป็นการใส่ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีเนื้อหาเพิ่ม
คราวนี้เราก็มาที่คำถามย่อยข้อต่อไป How you learned it อาจจะตอบว่า I took a Spanish course in school. We had a non-native Spanish teacher who spoke my language and also a native Spanish teacher from Argentina. My non-native Spanish teacher understood the challenges that beginners and learners at other levels usually face when learning the language and helped us overcome those challenges. My Argentinian Spanish teacher was there to correct our pronunciation and teach us useful Spanish expressions.
ตรงนี้จะเห็นได้ว่าแทนที่จะตอบห้วนๆ ว่าเรียนอย่างไร เฉยๆ ก็เล่าเรื่องครูที่สอนด้วย แล้วครูช่วยในการเรียนอย่างไรบ้าง
สำหรับข้อย่อยถัดมา What was difficult about it เราอาจจะเริ่มจาก For me สำหรับฉันแล้ว แล้วจึงตามด้วยเนื้อหา ดังนี้ For me, Spanish does have more tenses and more verb conjugation than English. It also has masculine and feminine gendered nouns and articles, and adjectives change to agree with the gender of the noun they are describing.
ตรงนี้จะยกเรื่องของการมี tense และการผัน verb เยอะกว่าภาษาอังกฤษ รวมถึง noun และ article ที่มีเพศหญิงเพศชาย และคำ adjective ก็ต้องเปลี่ยนรูปตามเพศของคำนามที่ adjective นั้นๆ ขยายความ
คำถามมักจะเป็นรูป past tense ถามถึงอดีต ดังนั้นคำตอบก็ควรจะเป็น past tense ด้วย
ข้อควรระวัง ในการสอบ IELTS Speaking Part 2 Topic card
ข้อควรจำอย่างหนึ่งในการตอบ part นี้คือคำถามมักจะเป็นรูป past tense ถามถึงอดีต ดังนั้นคำตอบก็ควรจะเป็น past tense ด้วย แล้วอย่าลืมกะเวลาให้ดีอย่าพูดข้อไหนโดยใช้เวลานานเกินไป มิฉะนั้นเมื่อจบ 2 นาทีแล้วอาจพูดได้ไม่ครบทุกข้อ