TOEFL Junior คืออะไร
เป็นข้อสอบที่ประเมินระดับภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวันและในห้องเรียนของนักเรียนอายุระหว่าง 10-17 ปี หรือ เทียบเท่าระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น
คะแนน TOEFL Junior ใช้ทำอะไร
- บอกความสามารถและพัฒนาการทางด้านภาษาอังกฤษ
- วัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้เรียน ซึ่งมีการแจกแจงคะแนนเพื่อบอกจุดเด่นและจุดด้อยของภาษา
- ใช้เป็นคะแนนเปรียบเทียบกับเกณฑ์การวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษตามมาตรฐานของ CEFR
โครงสร้างข้อสอบ TOEFL Junior
ข้อสอบแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. ทักษะการฟัง (Listening Comprehension) 42 ข้อ 40 นาที
2. ทักษะทางไวยากรณ์และความหมาย (Language Form and Meaning) 42 ข้อ 25 นาที
3. ทักษะการอ่าน (Reading Comprehension) 42 ข้อ 50 นาที
รวม 126 ข้อ 1 ชั่วโมง 55 นาที
TOEFL Junior ออกอะไรบ้าง
1. ทักษะการฟัง (TOEFL Junior Listening Comprehension) 42 ข้อ 40 นาที
ข้อสอบส่วนแรกเป็นการทดสอบทักษะการฟัง คือ Listening comprehension เป็นการฟังจากซีดี โดยผู้สอบต้องตอบคำถามตามเรื่องราว, คำถาม, บทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ ตามที่ได้ยิน มีกระดาษสำหรับจดโน้ตขณะทำข้อสอบ ดังตัวอย่างด้านล่าง
2. ทักษะทางไวยากรณ์และความหมาย (TOEFL Junior Language Form and Meaning) 42 ข้อ 25 นาที
ส่วนที่ 2 คือ Language Form & Meaning ข้อสอบส่วนนี้จะเน้นทดสอบคำศัพท์และไวยากรณ์ โดยข้อสอบจะมีบทอ่านให้อ่านและเลือกตอบเป็นคำศัพท์ หรือ เลือกตอบเป็นโครงสร้างไวยากรณ์ ข้อสอบไม่ได้เน้นเพื่อการอ่านให้เข้าใจแต่เน้นฝึกการแปลความหมายและหาความหมายของคำศัพท์ ดังตัวอย่างด้านล่าง
3. ทักษะการอ่าน (TOEFL Junior Reading Comprehension) 42 ข้อ 50 นาที
สำหรับส่วนที่ 3 คือ Reading comprehension หรือการอ่านจับใจความ ซึ่งจะมีบทอ่านมาให้อ่านและให้ตอบคำถามเกี่ยวกับบทอ่าน ความยาวบทอ่านอยู่ที่ประมาณ 1 หน้ากระดาษ ลักษณะบทอ่านมีความหลากหลาย เช่น เรื่องเล่า บทสนทนา นิทาน เป็นต้น ดังตัวอย่างด้านล่าง
คะแนน TOEFL Junior
คะแนนเต็ม 900 คะแนน โดยมีการแบ่ง scale คะแนนแต่ละพาร์ทอยู่ที่ 200-300 คะแนน ฉะนั้นคะแนนรวม 3 พาร์ทจึงอยู่ที่ 600-900 คะแนน
วิธีสมัครสอบ TOEFL Junior
1. การสมัครสอบเป็นกลุ่ม
– ลงทะเบียนและชำระค่าสอบ 1,900 บาท ล่วงหน้าอย่าง 10-12 วัน
– หากมีผู้สมัครสอบน้อยกว่า 5 คน ศูนย์สอบจะเลื่อนวันสอบ
– ค่าสอบอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแต่โปรโมชั่น กรุณาเช็คก่อนโอนเงิน
– หลังชำระแล้ว ไม่สามารถยกเลิกหรือโอนสิทธิ์ในทุกกรณี
2. การสมัครสอบด้วยตนเอง
– เลือกสาขาที่ต้องการสอบ (สาขา BTS ชิดลม หรือ สาขาโคราช)
– เลือกวันที่และรอบสอบ
– นำบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนา 1 ฉบับ กรอกใบสมัครและชำระค่าสอบได้ที่ศูนย์สอบ
3. การสมัครสอบทางอิเมล์
– ดาวน์โหลดใบสมัครและกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน หลักฐานการโอนเงินค่าสอบ ส่งเข้าอิเมล์ดังนี้
– สาขากรุงเทพ: [email protected]
– สาขาโคราช: [email protected]
เทคนิคทำข้อสอบ TOEFL Junior
1. ทักษะการฟัง (TOEFL Junior Listening Comprehension)
– ควรอ่านคำถามและคำตอบให้ครบก่อนเริ่มฟังข้อสอบเพื่อจะได้ให้รู้ว่าต้องตั้งใจฟังอะไร
– พยายามตั้งใจฟัง Keywords หรือคำสำคัญ เช่น ชื่อคน สถานที่ เวลา หรือคำสำคัญที่ปรากฏในคำถาม
– ฝึกฟังสื่อภาษาอังกฤษต่างๆ เช่น ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง ฟังข่าว เป็นภาษาอังกฤษ
2. ทักษะทางไวยากรณ์และความหมาย (TOEFL Junior Language Form and Meaning)
– ท่องคำศัพท์ให้หลากหลายเพื่อเก็บความรู้คำศัพท์ให้มากที่สุด
– ทบทวนไวยากรณ์สำคัญๆ เช่น tense, non-finite verb ซึ่งส่งผลต่อรูปคำกริยาหรือโครงสร้างที่ต้องเลือกเติมในข้อสอบ
– ฝึกทำข้อสอบให้เร็วเพราะ แต่ละข้อมีเวลาทำเพียง 30 วินาทีเท่านั้น
– ฝึกการอ่านให้อ่านเร็วและอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ภาษาอังกฤษบ่อยๆ เช่น หนังสือนิยายภาษาอังกฤษ บทความต่างๆ ขีวประวัติ เรื่องย่อภาพยนตร์ เป็นต้น
3. ทักษะการอ่าน (TOEFL Junior Reading Comprehension)
– อ่านคำถามก่อนแล้วค่อยมาอ่านบทความ โดยเน้นคำสำคัญที่เป็นกุญแจพาไปหาคำตอบในบทอ่าน
– ฝึกการอ่านบทความแบบเร็วๆด้วยเทคนิค skimming คือการอ่านคร่าวๆเพื่อหาใจความ
– ฝึกการอ่านแบบ scanning คือการอ่านเพื่อหาคำตอบ ที่ตรงกับคำสำคัญในคำถาม