TOEFL Structure and Written Expression คืออะไร
TOEFL Structure and Written Expression คือ ข้อสอบพาร์ท Grammar ของ TOEFL ITP โดยเป็นส่วนที่ต้องการวัดทักษะทางด้านโครงสร้างและไวยากรณ์ที่เป็นมาตรฐานที่ใช้ในการเขียนภาษาอังกฤษ
TOEFL Structure and Written Expression มีกี่ข้อ
โดยปกติแล้วการสอบ TOEFL ITP จะมี 2 ระดับ คือ Level 1 (Intermediate to Advanced) และ Level 2 (High-beginner to Intermediate) จำนวนข้อของข้อสอบพาร์ทนี้ก็จะมีไม่เท่ากัน ดังนี้
- Level 1 (Intermediate to Advanced) มีข้อสอบทั้งหมด 40 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 25 นาที
- Level 2 (High-beginner to Intermediate) มีข้อสอบทั้งหมด 25 ข้อ ให้เวลาทำข้อสอบ 17 นาที
ซึ่งการสอบ TOEFL ITP ในประเทศไทย มักจะใช้ข้อสอบระดับ Level 1 (Intermediate to Advanced) เป็นส่วนใหญ่
TOEFL Structure and Written Expression สอบอะไรบ้าง
ข้อสอบ TOEFL ITP พาร์ทนี้จะมีลักษณะข้อสอบ 2 แบบ คือ
- แบบที่ข้อสอบจะมีประโยคที่ไม่สมบูรณ์มาให้ แล้วให้ผู้สอบเลือกคำตอบที่จะทำให้ประโยคนั้นมีความสมบูรณ์ถูกต้องลงไป โดยข้อสอบจะเป็นแบบตัวเลือก
- แบบที่ข้อสอบมีประโยคหรือข้อความมาให้ พร้อมกับไฮไลท์หรือขีดเส้นใต้คำในประโยคเอาไว้ แล้วให้ผู้สอบเลือกว่าคำใดเป็นคำที่ผิด เป็นคำที่ควรต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งข้อสอบส่วนนี้ก็เป็นแบบตัวเลือกเช่นกัน
TOEFL Structure and Written Expression หัวข้อที่ออกสอบมักเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง
- หัวข้อเชิงวิชาการ ที่ครอบคลุมหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ด้านศิลปะ ได้แก่ วิจิตรศิลป์, งานฝีมือ, โรงละคร, เต้นรำ, สถาปัตยกรรม, วรรณกรรม, ดนตรี, ภาพยนตร์, การถ่ายภาพ
- ด้านมนุษยศาสตร์ ได้แก่ ประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐบาล ปรัชญา กฎหมาย
- ด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ซากดึกดำบรรพ์, ชีวเคมี, พฤติกรรมสัตว์, นิเวศวิทยา, กายวิภาคศาสตร์, สรีรวิทยา, พันธุศาสตร์, วิทยาศาสตร์สุขภาพ, ชีววิทยา, เกษตรกรรม
- ด้านวิทยาศาสตร์กายภาพ ได้แก่ ธรณีวิทยา ดาราศาสตร์ เคมี ธรณีศาสตร์ วิศวกรรม อุตุนิยมวิทยา พลังงาน เทคโนโลยี สมุทรศาสตร์ ฟิสิกส์
- ด้านสังคมศาสตร์ ได้แก่ มานุษยวิทยา สังคมวิทยา การศึกษา ภูมิศาสตร์ โบราณคดี จิตวิทยา เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ การจัดการ การตลาด การสื่อสาร
- หัวข้อเชิงการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ได้แก่ ตารางเรียน, ข้อกำหนดของชั้นเรียน, การอ้างอิงห้องสมุด, งานที่ได้รับมอบหมาย (เอกสาร, การนำเสนอ, การอ่าน), อาจารย์, การเรียน, การทัศนศึกษา, การลงทะเบียน, ที่พักอาศัยในและนอกวิทยาเขต, เรียนต่อต่างประเทศ, การฝึกงาน, นโยบายของมหาวิทยาลัย, สโมสร, คณะกรรมการ, งานสังคมสงเคราะห์
- หัวข้อทั่วไป เช่น ธุรกิจ, สิ่งแวดล้อม, ภาษาและการสื่อสาร, สื่อ, เรื่องส่วนตัว, สันทนาการ, การเดินทาง, ขับรถ, จอดรถ, ขนส่งสาธารณะ, จองการเดินทาง เป็นต้น
หัวข้อเหล่านี้จะทำให้ผู้สอบรู้ว่า เนื้อหาที่จะได้เจอในข้อสอบนั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรได้บ้าง และคำศัพท์ที่เราต้องรู้นั้นควรเน้นไปที่เรื่องอะไร
ตัวอย่างข้อสอบ TOEFL Structure and Written Expression
TOEFL Structure and Written Expression มีคะแนนเต็มเท่าไหร่
TOEFL ITP จะมี 2 ระดับ คือ Level 1 (Intermediate to Advanced) และ Level 2 (High-beginner to Intermediate) นอกจากจำนวนข้อจะไม่เท่ากันแล้ว ระบบการคิดคะแนนก็ไม่เท่ากันด้วย ดังนี้
Level 1 (Intermediate to Advanced) Testing time: Approximately 2 hours
Section | Number of Questions | Admin. Time | Score Scale |
Listening Comprehension | 50 | 35 minutes | 31–68 |
Structure and Written Expression | 40 | 25 minutes | 31–68 |
Reading Comprehension | 50 | 55 minutes | 31–67 |
TOTAL | 140 | 115 minutes | 310–677 |
Level 2 (High-beginner to Intermediate) Testing time: Approximately 1 hour and 10 minutes
Section | Number of Questions | Admin. Time | Score Scale |
Listening Comprehension | 30 | 22 minutes | 20–50 |
Structure and Written Expression | 25 | 17 minutes | 20–50 |
Reading and Vocabulary | 40 | 31 minutes | 20–50 |
TOTAL | 95 | 70 minutes | 200–500 |
TOEFL Structure and Written Expression เทคนิควิธีเตรียมตัวสอบ
1. ฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะ ๆ
โดยในช่วงแรก ๆ ของการฝึก แนะนำว่ายังไม่ต้องจับเวลาจริง ๆ ก็ได้ แต่ให้เน้นไปที่การทำความเข้าใจข้อสอบเป็นหลัก และเมื่อเราฝึกเยอะขึ้นจนจับทางข้อสอบได้ รู้แล้วว่ารูปแบบข้อสอบเป็นแบบไหน ก็ค่อยลองจับเวลาจริง ๆ ดู เพื่อให้รู้ว่าเราทำข้อสอบเร็วพอหรือยังนั่นเอง
2. ไวยกรณ์ต้องแม่น ทบทวนเรื่องไวย์กรณ์ต่าง ๆ ให้มาก ๆ
เพราะข้อสอบ TOEFL ITP พาร์ทนี้ออกเยอะพอสมควร โดยในส่วนของ Structure แนะนำให้ทบทวนเรื่อง Part of Speech, Agreement of Subject and Verbs, Present and Past Participials, Relative Clause และ Tense ต่างๆ ส่วน Written Expression ที่ต้องหา Error นั้น ให้เน้นการฝึกทำโจทย์เยอะ ๆ จะช่วยได้ดีมาก
3. เลือกทำพาร์ทที่ตนเองถนัดไว้ก่อน อันไหนไม่ได้ให้ข้าม
ในวันสอบจริง แนะนำว่าอย่าไปติดอยู่กับข้อใดข้อหนึ่งนานจนเกินไป แต่ให้เลือกทำข้อที่เราเองเห็นแล้วว่าทำได้ หากข้อไหนยังไม่ใช่ก็ปล่อยผ่านไปแล้วค่อยย้อนกลับมาทำทีหลัง วิธีนี้จะช่วยให้เราทำข้อสอบได้ตรงเวลา และอย่างน้อยก็มั่นใจว่าเราจะมีคะแนนแน่ ๆ ในข้อที่เราได้ทำไปก่อนแล้ว
4. วางแผนการเดินทางที่จะไปสอบของตนเองให้ดี
เพราะถ้าไม่วางแผนเดินทาง แล้ววันสอบเดินทางไปไม่ทันเวลาหรือเข้าห้องช้ากว่ากำหนด นั่นคือการเสียโอกาสของตนเอง แทนที่จะทำคะแนนให้ดีก็ยิ่งแย่ลงไป แล้วถ้าต้องรีบร้อน ไม่มีสมาธิ ผลลัพธ์ก็จะไม่เป็นดังคาดหวัง ดังนั้น ก่อนวันสอบต้องอย่าลืมวางแผนการเดินทางให้เรียบร้อย เดินทางยังไง ใช้เวลากี่นาที เผื่อเวลารถติดไปบ้าง และควรถึงสถานที่สอบอย่างน้อย 30 นาที
5. นำเทคนิคจากติวเตอร์ไปใช้ให้เยอะที่สุด
สำหรับใครที่เรียนติวอย่างจริงจัง พยายามนำทริคต่าง ๆ ที่ได้จากติวเตอร์ไปใช้งานให้เยอะที่สุด เพราะโดยปกติแล้ว ติวเตอร์มักเป็นคนที่มีประสบการณ์ เคยศึกษาแนวข้อสอบ เคยสอบมาก่อน จึงสามารถแนะนำวิธีการดี ๆ ที่จำทำให้เราทำข้อสอบได้ง่ายขึ้นได้ โดยที่เราไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง ซึ่งหากทำเทคนิคต่าง ๆ ไปใช้ได้หมด ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ได้คะแนนดีมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง