IELTS Reading คืออะไร ออกสอบเรื่องอะไรบ้าง
ข้อสอบ IELTS Reading เป็นข้อสอบส่วนที่ 2 ของทั้งหมด 4 ส่วน คือ IELTS Listening , IELTS Writing และ IELTS Speakingในพาร์ทนี้ผู้เข้าสอบจะได้อ่านบทความยาวประมาณ 2-3 หน้า จำนวน 3 บทความ ซึ่งบทความที่จะได้อ่านนั้นจะเป็นบทความทางวิชาการที่ตัดมาจากหนังสือนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ที่มีเนื้อหาที่ทุกคนสามารถอ่านเข้าใจได้ ไม่เฉพาะทาง ในแต่ละบทความจะมีคำถามประมาณ 13 – 14 ข้อ และมีรูปแบบคำถามที่แตกต่างกันออกไป เช่น Multiple Choice Sentence Completion Matching Information True/False/Not Given Yes/No/Not Given เป็นต้น รวมทั้ง 3 บทความจะมีคำถามทั้งหมดจำนวน 40 ข้อและให้เวลาทั้งหมด 60 นาที ดังนั้นเวลาในการทำจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณข้อละ 1.5 นาที
เรื่องหรือหัวข้อที่ชอบออกสอบ IELTS Reading บ่อยๆ
หัวข้อที่ออกสอบใน IELTS Reading แต่ละครั้งนั้นแตกต่างกันออกไป และไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเรื่องที่จะได้อ่านจะเกี่ยวกับอะไร แต่ส่วนใหญ่แล้วจะวนเวียนอยู่ในกรอบกว้างๆ ได้แก่ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม สังคม และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เช่น สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศน์ อวกาศ เป็นต้น จากที่กลางข้างต้นแล้วว่าข้อสอบคือบทความที่เคยตีพิมพ์จริง ดังนั้นการฝึกอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องข้างต้นบ่อยๆ จะเป็นการสร้างภูมิความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านได้เป็นอย่างดี เวลาเจอข้อสอบจริง ถึงแม้จะไม่เคยอ่านบทความที่ได้รับมาก่อนแต่เนื่องจากเรามีภูมิความรู้อยู่แล้วจะทำให้เราเชื่อมโยงและเข้าใจเรื่องที่อ่านได้ดียิ่งขึ้น
สิ่งที่ต้องระวังในการทำข้อสอบ IELTS Reading กับดักข้อสอบ
สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมากในการทำข้อสอบคือจะต้องอ่านคำสั่งให้ละเอียดถี่ถ้วน เพราะในข้อสอบ IELSTS Reading จะบอกคำสั่งชัดเจน เช่น จำนวนคำที่สามารถเติมได้ จำนวนตัวเลขที่สามารถเติมได้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็จะถูกตัดคะแนน รวมถึงการเขียนคำตอบในรูปแบบคำถามที่เป็น TRUE/FALSE/NOT GIVEN และ YES/NO/NOT GIVEN ต้องเขียนคำตอบเป็นคำเต็มให้ชัดเจน หากเขียน T/F/NG หรือY/N/NG จะถือว่าไม่ปฏิบัติคำสั่งและจะเสียคะแนนเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้การสะกดคำและการเติมคำให้ถูกหลักไวยกรณ์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน หากสะกดผิด ไม่เปลี่ยนรูปพหูพจน์ เอกพจน์ ไม่ผันกริยาตามประธานก็จะเสียคะแนนไปโดยปริยาย
การเขียนตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่ เพื่อเป็นการตัดปัญหาการถูกตัดคะแนน แนะนำให้ผู้เข้าสอบเขียนคำตอบในกระดาษคำตอบเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะในคำถามที่เป็นประเภทสรุปความ ผู้เข้าสอบอาจลืมว่าคำที่เราเติมเป็นคำตอบเป็นคำแรกของประโยคที่จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่แต่กลับเขียนเป็นตัวพิมพ์เล็ก จะถูกตัดคะแนนเนื่องจากไม่ถูกหลักไวยกรณ์ เป็นต้น
การใช้ Synonym และ Paraphrase ของคำถามและคำตอบ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราได้คะแนนในส่วน การอ่านดี ดังนั้นเราควรจะต้องมีคลังคำศัพท์ที่มากพอสมควร ผู้เข้าสอบหลายคนที่พลาดคะแนนสูงๆ เพราะไม่สามารถตีความหมายของประโยคเดิมในประโยคใหม่ได้ หรือไม่ทราบ synonym นั่นเอง
การบริหารเวลาจะต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า IELTS Reading จะสอบเป็นส่วนที่สองและเนื้อหาที่ต้องอ่านค่อนข้างยาว จึงต้องใช้เวลาประมาณบทความละ 20 นาที
จะทำอย่างไรจึงจะได้คะแนน IELTS Reading ดี
จะเห็นได้ว่าข้อสอบ IELTS Reading ให้เวลาจำกัด ดังนั้นการบริหารเวลาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราควรที่จะใช้เวลาอย่างมากที่สุดบทความละ 20 นาที และควรจะต้องอ่านอย่างมีกลยุทธ์ การอ่านอย่างมีกลยุทธ์ทำได้โดยใช้เทคนิคดังต่อไปนี้
Skimming คือ
การอ่านทุกย่อหน้าคร่าวๆ โดยการกวาดสายตาเพื่อหาไอเดียของเรื่องที่จะอ่าน
Scanning คือ
การหาข้อมูลที่สำคัญด้วยความรวดเร็ว เช่น ปี ชื่อสถานที่ ชื่อคน ตัวเลข เป็นต้น
นอกจากเทคนิคการอ่านที่กล่าวไปแล้วข้างต้น การเลือกทำข้อที่เหมาะสมก่อนก็เป็นการประหยัดเวลาอีกทางหนึ่ง เช่น ควรตอบคำถามที่มีชื่อเฉพาะ เช่น ชื่อคน วัน เดือน ปี ชื่อสถานที่ คำถามที่มีการระบุย่อหน้าชัดเจนก่อน และตอบคำถามที่ถามเกี่ยวกับใจความสำคัญของเรื่องและคำถามที่ต้องตีความทีหลัง
ควรอ่านคำถาม IELTS Reading และชอยส์หรือบทความก่อน?
เทคนิคนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง บางคนบอกว่าควรอ่านคำถามและชอยส์ก่อนแล้วจึงหาคำตอบในบทความ บางคนบอกว่าควรอ่านบทความก่อนแล้วจึงตอบคำถาม ในการทำข้อสอบ IELTS Reading ควรใช้ทั้งสองเทคนิค ขึ้นอยู่กับรูปแบบขอคำถาม ดังนี้
กุญแจหลักในการทำ IELTS Reading ให้ได้คะแนนดีอีกข้อหนึ่งคือ การหา Keyword รู้ Synonym และการ Paraphrase
หากฝึกเทคนิคข้างต้นจะพบว่า เราไม่จำเป็นต้องอ่านอย่างละเอียดทุกบรรทัดก็สามารถตอบคำถามได้ครบทุกข้อและทันเวลา
ไม่ควรเว้นคำตอบไว้ ควรตอบทุกคำถาม หากไม่รู้ให้เดาคำตอบ เพราะการสอบ IELTS ไม่หักคะแนนหากตอบผิด ดังนั้นหากเดาถูกได้จะคะแนนเพิ่มและมีโอกาสได้แบรนด์สูงขึ้น
ไม่ควรลบคำตอบที่เขียนไปแล้วเพราะจะทำให้เสียเวลา หากต้องการจะเปลี่ยนคำตอบหรือสะกดผิด ให้ขีดสองเส้นคาดคำตอบเดิมแล้วจึงเขียนคำตอบใหม่
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการฝึกทำข้อสอบเก่าหลายๆ ฉบับนั้นมีผลอย่างมากที่จะทำให้เราคะแนนสูงขึ้น เพราะเราจะเข้าใจข้อสอบอย่างปรุโปร่ง ซึ่งตรงกับสำนวนที่ฝรั่งกล่าวว่า ‘practice makes perfect’ นอกจากนี้ IELTS Reading ยังเป็นพาร์ทที่สามารถเพิ่มคะแนนในการสอบครั้งต่อไปได้ง่ายที่สุดหากฝึกทำข้อสอบเก่าและรู้เทคนิคในการทำข้อสอบ การได้แบนด์ 8 หรือ 8.5 หรือ 9 จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป